นครราชสีมา ดินแดนที่ราบสูง ประตูสู่ภาคอีสาน
นครราชสีมา (ททท.)คำขวัญ...เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน
จังหวัดนครราชสีมา หรือที่เรียกกันว่า "โคราช" เป็นเมืองใหญ่บนดินแดนที่ราบสูง ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบ ผู้มาเยือนจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่งดงาม จนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดก โลก สนุกสนานไปกับกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย ได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมขอมโบราณ เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้าน ได้ความรู้ด้านการเกษตรจากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งยังได้อิ่มอร่อยกับอาหารอีสานต้นตำรับ และเลือกซื้อหาสินค้าเกษตรและหัตถกรรมพื้นบ้าน ในดินแดนที่เปรียบเสมือนเป็นประตูสู่ภาคอีสานแห่งนี้
ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย จังหวัดนครราชสีมา จึงเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุด ที่เป็นที่นิยมอันดับต้น ๆ แห่งหนึ่งของชาวเมืองหลวงและจังหวัดใกล้เคียงในปัจจุบัน
จังหวัดนครราชสีมา มีเนื้อที่ประมาณ 20,494 ตารางกิโลเมตร หรือ 12,808,728 ไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย สภาพพื้นที่มีทั้งบริเวณที่สูงทางตอนกลาง พื้นที่ลูกคลื่นและที่ราบลุ่มทางตอนเหนือ และบริเวณเทือกเขาและที่สูงทางตอนใต้ของจังหวัด อันเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธารหลายสาย ที่ไหลไปทางตะวันออกของภูมิภาค มีแม่น้ำสายสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำมูล แม่น้ำลำเชียงไกร ลำแซะ ลำพระเพลิง ลำตะคอง และลำปลายมาศ
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบอยู่ทั่วไปในเขต จังหวัดนครราชสีมา ทำให้เชื่อได้ว่า บริเวณนี้เคยมีชุมชนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ จนกระทั่งเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ ก็ยังคงความเจริญรุ่งเรืองมาตลอด ตั้งแต่สมัยทวารวดี โดยมีศูนย์กลางความเจริญอยู่ที่เมืองเสมา เป็นเมืองใหญ่อยู่ในบริเวณที่เป็นอำเภอสูงเนินในปัจจุบัน
ต่อมาในสมัยขอมเรืองอำนาจ มีการสร้างเมืองโคราฆะปุระ หรือเมืองโคราช ขึ้นในบริเวณใกล้เคียง และมีเมืองพิมายเป็นเมืองใต้ปกครองที่สำคัญ จนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองขึ้นใหม่ โดยเอาชื่อเมืองเสมากับเมืองโคราฆะปุระมาผูกกันเป็นนามเมืองใหม่ เรียกว่า "เมืองนครราชสีมา" แต่คนทั่วไปนิยมเรียกกันว่า "เมืองโคราช"
โคราช มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ จนมีฐานะเป็นเมืองเจ้าพระยามหานคร และเมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ผู้ครองเมืองเวียงจันทน์ได้ก่อการกบฏ ยกกองทัพมาตีเมืองนครราชสีมาและกวาดต้อนพลเมืองกลับไปเป็นเชลย คุณหญิงโม ภริยาปลัดเมืองนครราชสีมาในขณะนั้น ได้คิดอุบายแสร้งทำกลัวและประจบเอาใจทหารลาว จนกระทั่งเมื่อขบวนเชลยถูกกวาดต้อนมาหยุดพักที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ในเขตอำเภอพิมาย เมื่อสบโอกาส คุณหญิงโมก็นำทัพชาวเมืองโจมตีกองทหารเวียงจันทน์จนแตกพ่ายไป วีรกรรมอันหาญกล้าของคุณหญิงโมในครั้งนี้ เป็นที่เลื่องลือและสรรเสริญไปทั่ว ต่อมารัชกาลที่ 3 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาฐานันดรศักดิ์ให้คุณหญิงโมเป็น "ท้าวสุรนารี"
โคราช มีความเจริญรุ่งเรือง ต่อมาจนกลายเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญระหว่างภาคตะวันออกเฉียง เหนือกับภาคกลาง จนในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดตั้งมณฑลนครราชสีมาขึ้นเป็นมณฑลแรกของประเทศ เพื่อควบคุมดูแลหัวเมืองในบริเวณใกล้เคียง ปัจจุบันจังหวัด นครราชสีมา เป็นเมืองศูนย์ราชการที่สำคัญรองจากกรุงเทพมหานคร และเป็นศูนย์กลางทางด้านต่างๆ ของภูมิภาค รวมทั้งเป็นที่ตั้งของกองกำลังรบหลักของกองทัพบกและกองทัพอากาศด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวนครราชสีมา
จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่มีชื่อเสียงมากมายและหลากหลายรูปแบบ เช่น อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขื่อนลำตะคอง หมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ฟาร์มโชคชัย เป็นต้น
สวนสัตว์นครราชสีมา
อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ตามทางหลวงหมายเลข 304(นครราชสีมา-ปักธงชัย) ระยะทาง 18 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (ทางหลวงหมายเลข 2310) อีกประมาณ 1 กิโลเมตร หากเดินทางรถโดยสารจากตัวเมืองสามารถใช้บริการรถสองแถว หมายเลข 4129 (นครราชสีมา - สวนสัตว์)
สวนสัตว์นครราชสีมามีพื้นที่กว้างขวางถึง 545 ไร่ 1 งาน 48 ตารางวา เป็นสวนสัตว์แบบซาฟารีกึ่งเปิดและปิดที่ทันสมัย ได้มาตรฐานที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย คอกสัตว์กว้างขวาง จัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับนิสัยสัตว์แต่ละชนิด ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ป่าแอฟริกาที่น่าสนใจ ได้แก่ นกเพนกวิน แมวน้ำ ช้างแอฟริกา อูฐ จิงโจ้ แรด เสือชีต้าห์ สิงโต ม้าลาย ยีราฟ เป็นต้น และยังมีอาคารจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลาน และสวนนกเงือก จึงเหมาะแก่การทัศนศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์และพักผ่อนหย่อนใจ
ภายในสวนตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม มีบริการรถพ่วงวิ่งรอบบริเวณ รวมทั้งจักรยานให้เช่าอีกด้วย นอกจากนั้น ภายในสวนสัตว์นครราชสีมายังมีส่วนสวนสัตว์เด็กและสวนสัตว์ศึกษา สร้างโดยมีวัตถุประสงค์ให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้ศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์อย่างใกล้ชิด รูปแบบของสวนสัตว์เด็กและสวนสัตว์ศึกษานั้น จัดเป็นห้องโถงแสดงนิทรรศการด้วยสื่อและเทคนิคต่าง ๆ เช่น หุ่นจำลองโมเดล 3 มิติเกี่ยวกับการกำเนิดโลก กำเนิดสิ่งมีชีวิต วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ชีวิตในทะเล ระบบนิเวศน์ กำเนิดมนุษย์ และโลกของไข่ เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 08.00 – 16.00 น. อัตราค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท รถยนต์ 50 บาท รถบัส 60 บาท จักรยานยนต์ 10 บาท สอบถามรายละเอียด โทร. 0 44934537 - 8 www.zookoratzoo.com
วัดศาลาลอย
ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง โดยแยกจากถนนรอบเมืองไปประมาณ 500 เมตร วัดนี้ตั้งอยู่ติดกับลำตะคอง ซึ่งไหลพาดผ่านตอนเหนือของตัวเมืองไปลงสู่แม่น้ำมูล ท้าวสุรนารีกับท่านปลัดสามีสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2370
จุดเด่นของวัดอยู่ที่พระอุโบสถ ซึ่งได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลจากมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป ในปี พ.ศ. 2516 เป็นอุโบสถที่สร้างแบบศิลปไทยประยุกต์ เป็นรูปสำเภาโต้คลื่น ใช้วัสดุพื้นเมืองคือกระเบื้องดินเผาด่านเกวียนนำมาประดับตกแต่ง เช่น ผนังด้านหน้าอุโบสถเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ ผนังด้านหลังเป็นภาพตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ ส่วนบานประตูเป็นโลหะลายนูน ภาพเล่าเรื่องเวชสันดรชาดก (13 กัณฑ์)
ภายในมีพระประธานปูนปั้นสีขาว ปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปยืนประทับ ณ ประตูเมืองสังกัสนคร สมเด็จพระสังฆราชได้ทรงถวายพระนามว่า “พระพุทธประพัฒน์สุนทรธรรมพิศาล ศาลาลอยพิมาลวรสันติสุขมุนินทร์” หน้าประตูอุโบสถมีปูนปั้นรูปท้าวสุรนารีนั่งพนมมือกลางสระน้ำ ตัวอุโบสถล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วรูปเสมา สัญลักษณ์ของเมืองเสมาเดิม ด้านข้างมีสถูปขนาดเล็กซึ่งเคยใช้เป็นที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารี
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีอาณาเขตครอบคลุม 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก แม่น้ำปราจีน ลำตะคอง ลำพระเพลิง และห้วยมวกเหล็ก อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานานาชนิด เช่น ช้างป่า กวางป่า เก้ง กระทิง เสือ ตลอดจนมีลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงาม มีเนื้อที่ 1,353471.53 ไร่ หรือ 2,165.55 ตารางกิโลเมตร อีกทั้งเขาใหญ่ได้รับการประกาศเป็น อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2505 และได้รับสมญาว่าเป็นอุทยานมรดกของอาเซียน อีกทั้งได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ในปี 2548
ลักษณะภูมิประเทศ สภาพทั่วไปเป็นพื้นที่ด้านตะวันตกของเทือกเขาพนมดงรัก สูงโดดเด่นขึ้นมาจากที่ราบภาคกลาง แล้วก่อตัวเป็นแนวเขตของที่ราบสูงโคราช มีเขาร่มเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด 1,351 เมตร เขาสามยอดสูง 1,142 เมตร เขาฟ้าผ่าสูง 1,078 เมตร โดยวัดความสูงจากระดับน้ำทะเลเป็นเกณฑ์ และยังประกอบด้วยทุ่งกว้างสลับกับป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ด้านตะวันออกพื้นที่จะลาดลงไปทางทิศใต้ ส่วนด้านตะวันตกพื้นที่จะเป็นภูเขาสูงชัน ลักษณะภูมิอากาศ ด้วยสภาพป่าที่รกทึกและได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม ทำให้เกิดฝนตกชุกตามฤดูกาล อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวและประกอบกิจกรรม นันทนาการต่าง ๆ อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 23 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน ดอกไม้ป่ามีหลากสีบานสะพรั่ง บ้างออกผลตามฤดูกาล ฤดูฝน ป่าไม้ทุ่งหญ้าเขียวขจี น้ำตกทุกแห่งไหลแรงส่งเสียงดังก้องป่า ฤดูหนาว ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวมากที่สุด ท้องฟ้าแจ่มใส ป่าไม้เขียวขจี
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 24 ถนนธนะรัชต์ เส้นทางขึ้นเขาใหญ่ด้านอำเภอปากช่อง สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2505 นักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติ และประชาชนทั่วไปมักแวะไปกราบไหว้ขอโชคลาภและขอพรอยู่เสมอ น้ำตกกองแก้ว เป็นน้ำตกเตี้ย ๆ ที่เกิดจากห้วยลำตะคองซึ่งเป็นแนวแบ่งเขตจังหวัดนครนายก และนครราชสีมา ในฤดูฝนดูสวยงามมาก เหมาะแก่การเล่นน้ำ สามารถเข้าถึงได้โดยการเดินเท้าจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 100 เมตร มีสะพานเชือกทอดข้ามลำน้ำ ให้บรรยากาศการพักผ่อนที่กลมกลืนและบริเวณใกล้ ๆ ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเส้นสั้น ๆ
น้ำตกผากล้วยไม้ เป็นน้ำตกขนาดกลางในห้วยลำตะคองเช่นเดียวกัน ห่างจากที่ทำการฯประมาณ 7 กิโลเมตร สามารถเข้าถึงโดยทางรถยนต์และทางเดินเท้า บริเวณน้ำตกมีกล้วยไม้หวายแดงขึ้นอยู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของน้ำตกแห่งนี้ และเป็นน้ำตกที่สายน้ำสองสายไหลผ่านชั้นหินทีละชั้น มาบรรจบกันจากน้ำตกผากล้วยไม้มีทางเดินไปน้ำตกเหวสุวัตได้ น้ำตกเหวสุวัต เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป ตั้งอยู่สุดถนนธนะรัชต์ รถเข้าถึง จากลานจอดรถเดินลงไปเพียง 100 เมตร หรือจะเดินเท้าต่อจากน้ำตกผากล้วยไม้ไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะได้เห็นสายน้ำตกลงมาจากหน้าผาสูงราว 20 เมตร มีจุดชมน้ำตกในระยะไกล ที่สามารถมองผ่านแมกไม้เห็นภาพของน้ำตกทั้งหมดในมุมสูงได้สวยงาม หรือหากต้องการสัมผัสกับสายน้ำตกและแอ่งน้ำด้านล่าง ก็มีทางเดินลัดเลาะลงไปได้ แต่ในช่วงฤดูฝนน้ำจะมาก ไหลแรงและเย็นจัดควรระมัดระวังอันตราย
หอดูสัตว์ เป็นสถานที่จัดทำขึ้นสำหรับการดูสัตว์ป่า ผู้ที่สนใจสามารถเข้าใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น. ได้แก่ หอดูสัตว์หนองผักชีอยู่ใกล้หนองผักชี ซึ่งเป็นแหล่งน้ำของสัตว์ป่ารอบ ๆ หนองน้ำ เป็นทุ่งหญ้าคากว้างใหญ่ มีโป่งสัตว์ หอดูสัตว์มอสิงโต เหมาะสำหรับดูสัตว์ป่าที่มากินดินโป่ง ซึ่งเป็นดินที่มีแร่ธาตุสำคัญของสัตว์กินพืช นอกจากนี้ในบริเวณหน่วย พิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขญ.4 (คลองปลากั้ง) ยังได้จัดให้มีหอดูสัตว์ชมกระทิง โดยอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ประมาณ 2 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในทุ่งหญ้าติดชายป่า เชิงสันเขากำแพง ในเวลาเย็นจะมีฝูงกระทิงออกหากินบริเวณใกล้ ๆ
น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุดของอุทยานฯ อยู่ห่างจากที่ทำการฯลงมาทางทิศใต้ทางที่จะลงไปปราจีนบุรี โดยต้องเดินเท้าแยกจากทางสายหลักไปประมาณ 1 กิโลเมตร ถึงจุดชมวิวที่มีมุมมองเห็นน้ำตกได้สวยงาม น้ำตกมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกสูงประมาณ 60 เมตร เมื่อน้ำไหลผ่านหน้าผาชั้นนี้จะพุ่งลงสู่หน้าผาชั้นที่ 2 และ 3 ที่อยู่ถัดลงไปใกล้ ๆ กันในลักษณะชันดิ่ง 90 องศา รวมความสูงไม่ต่ำกว่า 150 เมตร ในฤดูฝนสายน้ำที่ไหลทะลักไปสู่หุบเหวเบื้องล่างจะแรงมากจนน่ากลัว
การเดินทาง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 205 กิโลเมตร สามารถไปได้ 2 เส้นทางคือ แยกจากถนนมิตรภาพตรง กิโลเมตรที่ 56 ไปตามถนนธนะรัชต์ประมาณ 23 กิโลเมตร อีกเส้นทางหนึ่งคือ จากกรุงเทพฯ-แยกหินกอง แล้วไปตามทางหลวงหมายเลข 33 (นครนายก-ปราจีนบุรี) ถึงสี่แยกเนินหอมใช้ทางหลวง 3077 ไปถึงเขาใหญ่ เส้นทางที่สองค่อนข้างชันเหมาะที่จะใช้เป็นทางลงมากกว่า หากโดยสารรถประจำทางจากกรุงเทพฯ ให้ลงที่อำเภอปากช่องแล้วต่อรถสองแถวจอดอยู่บริเวณหน้าร้าน 7/11 ขึ้นเขาใหญ่ ตลาดปากช่องรถจะไปถึงตรงแค่ด่านเก็บเงิน ค่ารถ 25 บาท มีบริการระหว่างเวลา 06.00-17.00 น. จากนั้นต้องโบกรถขึ้นไปยังที่ทำการฯ หรือจะเช่ารถจากปากช่องเลยก็ได้ โดยด่านเก็บเงินจะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นเวลา 21.00 น. แต่สามารถลงเขาได้ทุกเวลา
ค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานฯ ชาวไทย เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท ชาวต่างประเทศ เด็ก 200 บาท ผู้ใหญ่ 400 บาท รถ 50 บาท รถบัส 200 บาท รถจักรยานยนต์ 20 บาท ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก บริเวณ ผากล้วยไม้ จัดเป็นสถานที่ตั้งเต็นท์พักแรมมีร้านค้าสวัสดิการขายอาหาร และมีเต็นท์และเครื่องนอนให้เช่านอกจากนั้นยังมีค่ายพักบริการอีก 2 แห่งคือ ค่ายพักกองแก้ว และค่ายพักเยาวชน สำหรับการจองบ้านพัก ติดต่อโดยตรงที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 - 2 หรือจองบ้านพักผ่านทางเว็บไซต์ www.dnp.go.th
หมายเหตุ อุทยานฯ มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในอุทยานฯ เขาใหญ่ วันละ 2,000 คน ดังนั้น ผู้ประสงค์จะเข้าไปเที่ยวในอุทยานฯ กรุณาสอบถามหรือติดต่อล่วงหน้าที่ โทร. 0 3736 5033, 08 1877 3127, 08 6092 6531 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และเพื่อความปลอดภัยในชีวิต และไม่เป็นการรบกวนการดำรงชีวิตสัตว์ป่า ห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปบนอุทยาน และห้ามรถยนต์ขนาดมากกว่า 40 ที่นั่ง รถสองชั้นหรือมีความสูง 3.50 เมตร ขึ้น – ลงเส้นทางระหว่างด่านศาลเจ้าพ่อ อำเภอปากช่อง ถึงที่ทำการอุทยานฯ สำหรับการขึ้น –ลงเส้นทางระหว่างด่านเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ถึงที่ทำการอุทยาน ห้ามขึ้น – ลง ระหว่างเวลา 16.00 – 06.00 น.
เขื่อนลำตะคอง
ตั้งอยู่ตำบลลาดบัวขาว ห่างจากตัวเมืองประมาณ 62 กิโลเมตร มีทางแยกจากทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-สระบุรี) บริเวณกิโลเมตรที่ 193-194 ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเขื่อนดินสร้างกั้นลำตะคองที่ช่องเขาเขื่อนลั่น และช่องเขาถ่านเสียดในปี พ.ศ. 2507 เพื่อนำน้ำเหนือเขื่อนมาใช้ประโยชน์ในด้านชลประทาน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวบนสันเขื่อน เพื่อชมทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาสวยงามเหมาะสำหรับพักผ่อนในยามแดดร่มลมตก เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น. และมีบ้านพักสวัสดิการสำหรับนักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา สอบถามเพิ่มเติมโทร. 08 7262 5458
วัดเขาจันทน์งาม
ตั้งอยู่ที่บ้านเลิศสวัสดิ์ จากตัวเมืองใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-สระบุรี) ประมาณ 50 กิโลเมตร บริเวณกิโลเมตรที่ 198–199 มีทางแยกซ้ายเข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นแหล่งศิลปะภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ ซี่งอยู่บริเวณด้านหลังวัด โดยเดินเท้าผ่านสวนหินและป่าธรรมชาติอันร่มรื่น และเงียบสงบเข้าไปประมาณ 150 เมตร จะพบภาพเขียนลงสีแบบเงาทึบสีแดงเป็นแนว ปรากฏอยู่บนเพิงผาหินทรายด้านหนึ่ง อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 4 เมตร เป็นรูปคนและสัตว์ที่แสดงถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่หรือกิจกรรมบางอย่างของกลุ่มคน เช่น ลักษณะการแต่งกาย การดำรงชีวิต การล่าสัตว์ สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะที่สร้างขึ้น โดยชุมชนเกษตรกรรมที่อาศัยอยู่ในบริเวณ นี้มีอายุระหว่าง 3,000 – 4,000 ปี
ปราสาทหินพนมวัน
ตั้งอยู่ที่บ้านมะค่า ตำบลโพธิ์ จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-ขอนแก่น) ประมาณ 15 กิโลเมตร ทางเข้าอยู่ฝั่งตรงข้าม เข้าทางเดียวกับวัดหนองจอก ขับตรงไปประมาณ 8 กิโลเมตร หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ขึ้นรถที่สถานีขนส่งแห่งที่ 1 เป็นรถสองแถวเล็ก โคราช – ลองตอง ค่ารถ 9 บาท ลงรถปากทางเข้าวัดลองตอง แล้วต่อรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้าไปที่ตัวปราสาทพนมวัน ค่ารถประมาณ 20 บาท
ที่นี่เป็นปราสาทขอมที่น่าชมอีกแห่งหนึ่ง สันนิษฐานว่าเดิมก่อสร้างด้วยอิฐในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ต่อมาในราวพุทธศตวรรษที่ 18–19 จึงได้สร้างอาคารหินซ้อนทับลงไป จากจารึกที่ค้นพบ เรียกปราสาทแห่งนี้ว่า “เทวาศรม” เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ต่อมาจึงได้เปลี่ยนแปลงให้เป็นพุทธสถาน ปัจจุบันแม้จะหักพังไปมาก แต่ยังคงเห็นซากโบราณสถานหลงเหลือเป็นเค้าโครงค่อนข้างชัดเจนเช่น ปรางค์จตุรมุของค์ประธานหลัก ซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกโดยมีมณฑปอยู่เบื้องหน้าและมีฉนวน (ทางเดิน) เชื่อมต่อระหว่างอาคารทั้งสอง
ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปรางค์ มีอาคารก่อด้วยหินทรายสีแดงเรียกว่า “ปรางค์น้อย” ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ บริเวณโดยรอบปราสาทมีระเบียงคต สร้างด้วยหินทรายและศิลาแลงล้อมเป็นกำแพงอยู่ มีโคปุระ (ประตูทางเข้าเทวสถาน) ก่อสร้างเป็นรูปหอสูงทั้งสี่ทิศ บริเวณรอบนอกปราสาททางด้านทิศตะวันออกห่างจากโบราณสถานเกือบ 300 เมตร มีร่องรอยของคูน้ำและเนินดินเรียกว่า “เนินอรพิม” นอกจากนี้ ยังพบศิลาแลงจัดเรียงเป็นแนวคล้ายซากฐานอาคารบนเนินแห่งนี้ด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 - 18.00 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท
ล่องแก่งลำตะคอง
ตลอดลำน้ำจะผ่านบ้านเรือน เรือกสวน และป่าไม้เขียวขจี มีความยากในการล่องแก่งที่ระดับ 1-2 ซึ่งไม่ยากเกินไปนัก เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งจะลองกิจกรรมประเภทนี้ และยังเหมาะแก่การมาท่อง เที่ยวกันเป็นครอบครัว เวลาที่เหมาะสมคือ ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน เนื่องจากมีน้ำมาก ความแรงของกระแสน้ำพอที่จะทำให้เกิดความตื่นเต้น แต่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ส่วนในฤดูแล้งน้ำจะน้อยเกินไป การล่องแก่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที และอาจเพิ่มรสชาติการผจญภัย ด้วยการนั่งช้างชมป่าหลังจากล่องแก่งก็ได้ หากสนใจกิจกรรมนี้ติดต่อได้ที่ ปางช้างเขาใหญ่ (บ้านป่าเขาใหญ่) ถนนธนะรัชต์ กิโลเมตรที่ 19.5 โทร. 0 4429 7307, 0 4429 7689-90
ศาลหลักเมือง
ตั้งอยู่ถนนจอมพล มุมวัดพระนารายณ์มหาราช ลักษณะเป็นศาลเจ้าแบบจีน ประดิษฐานเสาหลักเมืองนครราชสีมา เป็นที่สักการะบูชาของชาวไทยและจีน สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ระหว่าง พ.ศ.2199-2231 ตัวศาลและเสาหลักเมืองทำด้วยไม้ ผนังศาลด้านทิศตะวันออกเป็นกระเบื้องดินเผา ปั้นลวดลายนูนต่ำเป็นเรื่องราว การสู้รบของท้าวสุรนารี และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในสมัยโบราณ
ศาลเจ้าพ่อช้างเผือก
เป็นศาลเจ้าเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมคูเมืองด้านทิศเหนือ ตรงมุมถนนมนัสตัดกับถนนพลแสน สร้างครอบหลักตะเคียนหิน ซึ่งเดิมเป็นหลักที่ชาวเมืองภูเขียวนำช้างเผือกมาผูกไว้ เพื่อให้พนักงานกรมคชบาลตรวจดูลักษณะช้าง ก่อนกราบทูลถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เพื่อทรงรับไว้เป็นพระราชพาหนะ
พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน และทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตั้งอยู่เลขที่ 184 หมู่ที่ 7 บ้านโกรกเดือน 5 ถนนมิตรภาพ-หนองปลิง ตำบลสุรนารี การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 304 (นครราชสีมา-ปักธงชัย) ระยะทาง 16 กิโลเมตร ถึงประตูที่ 2 ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร เบี่ยงซ้ายเข้าถนนเลี่ยงเมืองสายมิตรภาพ-หนองปลิงอีก 1 กิโลเมตร เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของประเทศไทย และหนึ่งในเจ็ดแห่งของโลก พบกับพรรณไม้ดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ อายุประมาณ 800,000 – 320,000,000 ปี
ชมภาพยนตร์กำเนิดโลกและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต อีกทั้งเพลิดเพลินกับสวนไม้กลายเป็นหิน ที่จำลองภูมิประเทศของภาคอีสานบริเวณลุ่มน้ำมูล–ชี นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ 8 สกุล จาก 42 สกุลที่พบทั่วโลก ทั้งช้างสี่งา ช้างงาจอบ ช้างงาเสียม (อายุประมาณ 16 -5 ล้านปี) รวมทั้งฟอสซิลสัตว์นานาชนิด เช่น เต่ายักษ์ ตะโขง เอป (ลิงไม่มีหาง ที่มีสายวิวัฒนาการใกล้เคียงกับมนุษย์ ที่ถูกจัดให้เป็นชนิดใหม่ของโลก) เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00- 16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 044 216617 หากมาเป็นหมู่คณะควรติดต่อล่วงหน้า
หมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน
อยู่ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมา ไปประมาณ 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 224 นครราชสีมา. – โชคชัย ด่านเกวียนเป็นหมู่บ้านริมฝั่งแม่น้ำมูล ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นเส้นทางการค้าระหว่างโคราชกับเขมร ชาวด่านเกวียนมีอาชีพทำนา ทำไร่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูล และเริ่มเรียนรู้การทำเครื่องปั้นดินเผาจากชาวข่า (ชาวเขาเผ่าหนึ่งตระกูลมอญ – เขมร เป็นชนพื้นเมืองเดิมที่มีถิ่นฐานอาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำโขง)
ในยุคแรกของการทำเครื่องปั้น จะทำไว้ใช้ในครัวเรือน เช่น โอ่ง ไห ครก ฯลฯ ปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์มาเป็นเครื่องประดับ ของตกแต่งบ้านและจัดสวน ตลอดจนเป็นสินค้าส่งออกไปขายยังต่างประเทศ ด้วยคุณสมบัติของดินด่านกวียน เมื่อเผาออกมาแล้วมีลักษณะเป็นสีสัมฤทธิ์ ที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน นอกจากนั้น หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ได้รับเลือกจากสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดตั้งให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP เมื่อต้นปี 2548 หนึ่งใน 4 แห่งของประเทศ เพื่อให้เป็นต้นแบบแห่งแรกในภาคอีสาน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มด่านเกวียนโฮมสเตย์ โทร. 08 7877 7544, 08 1265 4078
อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
ตั้งอยู่ในตัวอำเภอพิมาย ประกอบด้วย โบราณสถานสมัยขอมที่ใหญ่โตและงดงามอลังการ นั่นคือ “ปราสาทหินพิมาย” แหล่งโบราณคดีที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ บนพื้นที่ 115 ไร่ วางแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 565 เมตร ยาว 1,030 เมตร
ชื่อ “พิมาย” น่าจะมาจากคำว่า “วิมาย” หรือ “วิมายปุระ” ที่ปรากฏในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหิน ตรงกรอบประตูระเบียงคดด้านหน้าของปราสาทหินพิมาย และยังปรากฏชื่อในจารึกอื่นอีกหลายแห่ง อาจจะเป็นคำที่ใช้เรียกรูปเคารพหรือศาสนสถาน สิ่งที่เป็นลักษณะพิเศษของ ปราสาทหินพิมาย คือ ปราสาทหินแห่งนี้สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ ต่างจากปราสาทหินอื่นที่มักหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเพื่อให้หันรับกับเส้นทางที่ตัดมาจากเมืองโศธรปุระ เมืองหลวงของอาณาจักรเขมร ซึ่งเข้าสู่เมืองพิมายทางด้านทิศใต้
จากหลักฐานศิลาจารึกและศิลปะการก่อสร้าง บ่งบอกว่าปราสาทหินพิมายคงจะเริ่มสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 รูปแบบทางศิลปกรรมของตัวปราสาทเป็นแบบปาปวน ซึ่งเป็นศิลปะที่รุ่งเรืองในสมัยนั้น โดยมีลักษณะของศิลปะแบบนครวัด ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยต่อมาปนอยู่บ้าง และมาต่อเติมอีกครั้งในราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งครั้งนั้น เมืองพิมายเป็นเมืองซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอาณาจักรเขมร ปราสาทหินแห่งนี้สร้างเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิมหายานมาโดยตลอด เนื่องจากพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงนับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
น้ำตกห้วยใหญ่
เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทับลาน ในท้องที่อำเภอวังน้ำเขียว ไปตามทางหลวงหมายเลข 304 (นครราชสีมา-กบินทร์บุรี) เข้าทางตลาดกม.79 ไปประมาณ 6 กิโลเมตร ทางเดินเข้าน้ำตกเป็นทางลาดเล็กน้อย เข้าไปประมาณ 20 เมตร ก็จะพบธารน้ำตกขนาดเล็ก ไหลผ่านก้อนหินใหญ่สองก้อน น้ำตกจะมีเฉพาะช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน)
เขาแผงม้า
เขาแผงม้า อยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดนครราชสีมา ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304 (นครราชสีมา-กบินทร์บุรี) ระยะทางประมาณ 79 กิโลเมตร เมื่อถึงตลาดบริเวณกิโลเมตร 79 มีทางแยกขวาไปตามถนนรพช.สายศาลเจ้าพ่อ-หนองคุ้มประมาณ 11 กิโลเมตร เส้นทางช่วงสุดท้ายประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นทางดินขึ้นเขามีทิวทัศน์สวยงามแต่ค่อนข้างขรุขระ ควรใช้รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาจะเห็นภูเขาสลับซับซ้อน อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 850 เมตร พื้นที่นี้ เป็นโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งอยู่ในความดูแลของมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่งประเทศไทย พื้นที่ประมาณ 11,250 ไร่ ต่อมาในปี 2537 มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธ์พืชแห่งประเทศไทย ได้เข้ามาดูแลฟื้นฟูสภาพป่า สัตว์ป่าก็เริ่มกลับมาโดยเฉพาะกระทิงฝูงสุดท้าย
กิจกรรมท่องเที่ยว ดูฝูงกระทิงออกหากินในช่วงเวลา 06.00-08.00 น.และเวลา 1600 – 1800 น.. ที่นี่ไม่มีสถานที่พัก หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ นักท่องเที่ยวที่มาชมฝูงกระทิงสามารถมาแบบเช้าไปเย็นกลับได้ หากต้องการเจ้าหน้าที่พาชมกระทิง หรือเช่ารถ สามารถติดต่อโดยตรงที่ กลุ่มอนุรักษ์เขาแผงม้า (ทางขึ้นเขาแผงม้า) โทร. 08 1955 3018, 08 4823 3230
หาดจอมทอง
อยู่ในบริเวณเขื่อนปากมูลบน เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองนครราชสีมาอีแห่งหนึ่ง มีหาดทรายที่เกิดจากธรรมชาติ น้ำใสสะอาด สามารถลงเล่นน้ำได้ มีร้านค้าให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม และยังมีกิจกรรมเครื่องเล่นทางน้ำ เช่น บานาน่าโบ้ท เจ็ทสกี จักรยานน้ำ เป็นต้น การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านอำเภอปักธงชัย จะมีแยกซ้ายมือผ่านโรงงานน้ำตาลครบุรีเข้าไปอีกประมาณ 32 กิโลเมตร
วัดโนนกุ่ม
เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อทองเหลือง หลวงพ่อโต (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งคุณสรพงษ์ ชาตรี ดาราภาพยนตร์ชื่อดังเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง
จังหวัดนครราชสีมา ยังมีปหล้งท่องเที่ยวสวยงามอีกมากมาย รอให้นักเดินทางไปพิสูจน์ด้วยตาของคุณเอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น